ตร.ได้ตัวซาเล้ง พยานคดีแทงนร.สาว วัย17 แต่ผลสอบยังไม่คืบหนุ่มซาเล้งและคนนั่งยืนยันไม่พบเห็นใครในซอยเปลี่ยว ด้านพี่สาวเผยที่บ้านเคยทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าไปพม่า มีคนงานเป็นชาวพม่าจำนวนมาก ทำให้น้องฟังและพูดภาษาพม่าได้ ส่วนการติดตามตัวคนร้ายต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ตร.
จาก กรณีน.ส.อรวี สำเภาทอง หรือน้องแอปเปิ้ล นักเรียนชั้นมัธยมปลายโรงเรียนชื่อดังของจ.ระนอง วัย 17 ปี ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต ร่างพรุน 17 แผล ขณะเดินไปหาเพื่อนในซอยสำนักสงฆ์สะพานปลา ข้างโรงเจ ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เมื่อค่ำวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพยานพบ 4 วัยรุ่นชาวเมียนมาวิ่งหนีจากจุดเกิดเหตุ และยังมีซาเล้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงตามข่าว
ความคืบหน้า ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง ได้ติดตามตัวรถจักรยานยนต์ ซาเล้งที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุตามภาพวงจรปิดได้แล้ว เป็นรถฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กงย ระนอง 310 มีนายสุวิทย์ ทองเขียว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/82 ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เป็นเจ้าของและคนขับ
นายสุวิทย์ให้การว่า ได้เดินทางกลับบ้านหลังจากพาหลานไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ผ่านเข้าซอยข้างสำนักสงฆ์ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว ไฟตามเส้นทางจะมืด และไม่เห็นบุคคลใดเลย คือแสงไฟจากรถจักรยานยนต์เมื่อผ่าน ไฟจะส่องสว่างหากมีใครมาดักยืนอยู่ระหว่างทางจะมองเห็น แต่ไม่พบเห็นบุคคลใด
ด้าน นางญารินดา ณ ถลาง ซึ่งเป็น ผู้โดยสารนั่งมาในรถซาเล้งคันดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า คืนนั้นไปโรงพยาบาล เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. และกลับมาถึงบ้านเวลา 19.50 น. พอตื่นมาตอนเช้าถึงจะรู้ว่ามีเหตุคนตายที่กลางซอย ไม่เห็นอะไรจริงๆ วิ่งรถเข้ามาบ้านผ่านที่เกิดเหตุในขณะนั้นไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ ซึ่งเส้นทางที่ผ่านมามันมืดมาก ไม่เห็นอะไรจริงๆ
โดยทางเจ้า หน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นข้อสันนิษฐานว่า จากจุดเกิดเหตุภายในซอยเปลี่ยวห่างเพียง 5 เมตร จะมีเส้นทางลัดเข้าสำนักสงฆ์ และออกถนนใหญ่ได้อีกทาง ขณะที่น้องแอปเปิ้ลเดินผ่านบนฟุตปาธริมถนนสายสะพานปลา ก่อนจะถึงสำนักสงฆ์ ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย แซวเป็นภาษาเมียนมา โดยน้องผู้ตายมีความสามารถพูดและฟังเข้าใจ คาดว่าคงมีการด่าทอกลับไปอย่างรุนแรง ด้วยภาษาเมียนมา และคงสร้างความโกรธแค้น ให้กับกลุ่มคนร้ายที่ต้องสงสัย จึงติดตามมา แต่จะเลี้ยวเข้าทางสำนัก สงฆ์ก่อน เพื่อไปดักทำร้ายน้องนักเรียนสาวจนถึงแก่ความตายตรงจุดเกิดเหตุ
เจ้า หน้าที่ตำรวจยังตั้งประเด็นถึงการทำร้าย ว่า ส่วนประเด็นว่าทำไม ถึงมีการทำร้าย ใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายอย่างทารุณ คาดว่าน้องผู้ตายถูกแซว อาจจะด่าทอบุพการีกลับไป โดยกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัยหากเป็นคนสัญชาติเมียนมา จะถือว่าการด่าทอบุพการี หรือด่าพ่อ ด่าแม่ จะโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ใครจะมาด่าหรือมาหยามไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งจะทำร้ายกันถึงตาย
รายงาน ข่าวระบุด้วยว่า สำหรับชนวนเหตุ หรือประเด็นอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทิ้งประเด็น และกำลังติดตามค้นหาภาพจากกล้องวงจรปิด ในรัศมี 2 ก.ม. เพื่อมาประกอบเป็นพยานหลักฐานสำคัญ และมีการแบ่งกำลังไล่ติดตาม ออกหาข่าวกลุ่มคนร้ายต้องสงสัยอย่างเร่งด่วน
ที่ ศาลาการเปรียญ 4 วัดอุปนันทาราม สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.อรวี สำเภาทอง หรือน้องแอปเปิ้ล โดยเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่างเดินทางมาร่วมเคารพศพ หลังสอบปลายภาคเสร็จสิ้น และช่วยงาน พร้อมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพในค่ำคืนนี้
ด้านนางมาริษา สำเภาทอง อายุ 44 ปี มารดาของน้องแอปเปิ้ล ยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ กับการจากไปของบุตรสาวคนที่ 3 โดยครอบครัวเสียบิดาที่เป็นเสาหลักไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และเหลือแต่มารดากับบุตรอีก 4 คน เป็นหญิง 3 คน และชายคนสุดท้องอีก 1 คน ซึ่งน้องแอปเปิ้ล ผู้ตายเป็นบุตรสาวคนที่ 3
น.ส.อร พรรณ สำเภาทอง พี่สาวคนโต วัย 21 ปี กล่าวว่า เมื่อสิบปีที่แล้วที่บ้านจะประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้ากับประเทศ เพื่อนบ้านคือประเทศเมียนมา ซึ่งทำให้ทั้งครอบครัวสามารถฟังและพูดภาษาเมียนมาได้ เพราะที่แพจะมีลูกน้องและกรรมกรชาวเมียนมาจำนวนมาก ก็เลยสามารถพูดได้ โดยครอบครัวทั้งหมดจะมีกันอยู่ 5 คน คือมีแม่ และหนูเป็นบุตรสาวคนโต น้องสาว 2 คน และน้องชายคนสุดท้องอีก 1 คน ผู้ตายน้องแอปเปิ้ล เป็นบุตรสาวคนที่ 3
น.ส.อรพรรณกล่าวต่อว่า น้องแอปเปิ้ลจะมีอุปนิสัยเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยมีเรื่องหรือปัญหากับใคร ชอบฟังเพลง อยู่สนุกสนาน เฮฮา เค้าจะรักพี่รักน้อง และเชื่อฟังพ่อแม่ เชื่อฟังพี่น้อง ส่วนที่มีพยานเห็นบุคคลต้องสงสัย 4 คนวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุ และวิ่งผ่านวัดไป โดยคาดว่าน้องอาจจะไปด่ากลุ่มคนพวกนี้ หากเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาวเมียนมา น้องเค้าจะฟังภาษารู้เรื่อง ก็อาจจะมีการโต้ตอบกลับไป คือตัวของน้องอาจจะไม่คิดอะไรหรอก แต่กลุ่มที่โดนว่าอาจจะติดใจหรือโกรธแค้น เลยอาจจะมาดักทำร้ายน้อง
"น้อง เป็นคนที่ว่า หากอะไรที่ไม่ผิดก็จะไม่ค่อยยอมใครเหมือนกัน แต่ปกติก็นิ่งนะ แต่หากเป็นเรื่องของความถูกต้อง หรือไม่ใช่ ก็จะไม่ค่อยยอมเหมือนกัน ส่วนเรื่องการติดตามคนร้ายที่ฆาตกรรมน้อง คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีตำรวจหลายชุดเข้ามาแจ้งความคืบหน้าต่อเนื่องเพื่อให้ทางครอบครัวหนู สบายใจ" น.ส.อรพรรณกล่าว
ชื่นชอบข่าวนี้
อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ |
ที่มา:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php? |
newsid=1443753301