วันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทราบว่ามีหนุ่มบ้านหนองบ่อ หมู่ 14 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ. อุดรธานี เป็นผู้โชคดี ไปทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และได้ไปซื้อลอตเตอรี่มา 5 ใบ ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 กันยายน 2558 หมายเลข 743148 เป็นเงิน 30 ล้านบาท จึงได้รีบโทรศัพท์มาหาพี่สาวให้รีบลงมาที่กรุงเทพมหานครด่วน เพื่อจะได้ไปเป็นเพื่อนขึ้นเงินแล้วจะเดินทางกลับไปฉลองที่บ้าน
แต่เมื่อไปถึงบ้านกลับไม่พบกับผู้โชคดี ทราบเพียงว่า คือ นายธรรมรงค์ แก้วสวนจิก อายุ 41 ปี อยู่หมู่ 14 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พบเพียงญาติและเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดที่รอรับโทรศัพท์ยืนยันว่าถูกหวยจริงตามข่าวหรือไม่ และได้รับคำยืนยันว่าถูกรางวัลที่ 1 จริง และจะไปขึ้นเงิน จากนั้นจะนั่งเครื่องบินกลับบ้านทันที เพื่อที่จะได้นำเงินมาชำระหนี้และลงทุนต่อไป
จากการสอบถามนางจุฑามาลี ลมไธสง อายุ 54 ปี อยู่หมู่ 14 ผู้ที่นายธรรมรงค์ แก้วสวนจิก หนุ่มผู้โชคดี ให้ความเครารพนับถือ กล่าวว่า นายธรรมรงค์ แก้วสวนจิก เป็นคนที่มีความกตัญญู รู้คุณพ่อแม่ ดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานไม่เคยทอดทิ้งแม่ ถึงกับชาวบ้านจะส่งเข้ารับรางวัลลูกยอดกตัญญู พอแม่และพ่อเสียชีวิต ก็เดินทางเข้ากรุงเทพมหานครไปหางานทำ ส่วนเมียและลูกให้ไปอยู่บ้านที่อำเภอกุมภวาปีส่วนนายธรรมรงค์ไปทำงานเป็น รปภ.ที่กรุงเทพมหานคร มีช่วงเวลาพักเข้าเวรยามก็ไปรับจ้างทำสวนเพื่อหาเงินมาส่งเสียให้เมียและลูกที่อยู่ทางบ้าน
สาเหตุที่นายธรรมรงค์ หนีไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร มาจากในช่วงอยู่ที่บ้านไปทำงานเก็บเงินค่าเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับบริษัทมีชื่อแห่งหนึ่งเสร็จแล้วเป็นหนี้ทางบริษัทมาก นายธรรมรงค์จึงหลบไปหางานทำที่อื่นก่อน โดยนายธรรมรงค์จะกลับบ้านเกิดในแต่ละครั้ง จะต้องหลบมาตอนกลางคืน กลัวเจ้าหน้าที่จะมาทวง แต่ทราบว่าหนี้ที่ก่อไว้น้องสาวที่ไปทำงานในต่างประเทศมารับใช้ให้แล้ว
ทั้งนี้ในช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย. หลังจากหวยออกแล้ว นายธรรมรงค์ ได้โทรศัพท์มาหาพี่สาว คือ นางสุธาลี แก้วสวนจิก ที่บ้านหนองบ่อ บอกด้วยความตื่นเต้นว่าถูกหวย 30 ล้านบาท ให้พี่สาวลงมาที่กรุงเทพฯ ด่วน หลังจากพี่สาวรับโทรศัพท์แล้ว ก็ชวนลูกหลานขึ้นรถเข้ากรุงเทพฯ มาหาน้องชายทันที
นางรัตนา ธาตุทอง อายุ 42 ปี ซึ่งบ้านใกล้กันกับหนุ่มผู้โชคดีบอกว่า ตนรู้สึกดีใจมากกับเพื่อนบ้านที่จะได้กลับบ้านเกิด เพราะสภาพบ้านปูนชั้นเดียว สภาพเก่า ไม่มีคนอยู่มานานเป็นปี และทราบว่าเงินที่ได้ จะนำมาใช้หนี้ และลงทุนตอนที่อยู่บ้านที่ยังไปเป็น รปภ.ที่ กทม. เขาเป็นคนขยัน รับผิดชอบ ทำงานทุกอย่าง เคยเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ขาดทุนไปไม่ไหว ขายไก่ปิ้ง ส้มตำ แต่สุดท้ายต้องหนีจากบ้านไป ทราบครั้งสุดว่าไปเป็น รปภ.
ขอบคุณภาพ ครอบครัวข่าว3
Source:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1442457022